มารู้จักกับเวชศาสตร์ชะลอวัยกันเถอะ ตอนที่ 1
เวชศาสตร์ชะลอวัย หรือ anti aging คืออะไร?
เวชศาสตร์ชะลอวัยเป็นศาสตร์ที่ค่อนข้างใหม่ หลายคนอาจจะไม่รู้จักหรือแพทย์บางคนที่จบมานานแล้วก็จะไม่เคยได้ยิน แพทย์ที่จบในเมืองไทยส่วนใหญ่จะถูกสอนให้รักษาโรคภัยไข้เจ็บเมื่อคนไข้คนนั้นป่วยแล้วนะครับ ซึ่งเรียกกันรักษาแบบตั้งรับซึ่งก็เป็นประเพณีหรือว่าเป็นสิ่งที่คู่กับคนไทยมาช้านาน บางครั้งคนป่วย จะไปซื้อยากินเองไปดูแลร่างกายตัวเองแต่ในต่างประเทศ ในประเทศที่พัฒนาไปแล้ว มีการรักษาทางการแพทย์ที่พัฒนามากขึ้น ผลการพัฒนามากขึ้น เราเลยเรียกศาสตร์ว่าเป็น anti aging เป็นศาสตร์ที่ดูแลสุขภาพในเลือด ละเอียดกว่าเดิม เพราะ ที่มาของโรคต่างๆ มักอยุ่ในกระแสเลือด ถ้ามีเลือดดี สุขภาพก็ดี
ศาสตร์นี้ไม่ใช่รักษาโรคอ้วน หรือรักษาหรือเราดูแลเรื่องผิวหนังถ้าแบบนั้น เรียกว่า หมอผิวหนัง ศาสตร์นี้ดูแลเรื่องสุขภาพเป็นหลัก ถ้ายังไม่มีโรคก็ไม่เจอถ้าบางทีมีเยอะถึงจะเริ่มเจอ ตั้งแต่เริ่มรักษาด้วยกันคือการที่เรามีพัฒนาการในเรื่องเครื่องไม้เครื่องมือที่ดี เหมือน กับมีแว่นขยาย ทำให้ตรวจดูได้ละเอียดกว่า เปรียบร่างกายของคน เหมือน รถยนต์ใช้ชีวิตไปแล้วก็ เหมือนขับรถไป จนวันนึงรถพังลงมา เราก็ซ่อมรถซ่อมเสร็จ มันไม่เหมือนกับร่างกายมนุษย์ คือ
1 ร่างกายมนุษย์เราไม่มีอะไหล่ให้เปลี่ยน
2 เปลี่ยนไปแล้ว ก็ไม่เหมือนเดิม
3 เวลาร่างกายพังแล้ว ซ่อมยาก
การดูแลสุขภาพร่างกายให้ดี ก่อนที่จะป่วย พื้นฐานของสมาคมหมอที่อเมริกา หรือ american academy of anti aging medicine and new generation medicine วิธีการดูแลสุขภาพ คือไม่ใช่แค่อายุยืนยาว แต่เต็มไปด้วยคุณภาพชีวิตที่ดี อายุเท่าไหร่ก็ได้แต่ช่วยเหลือตัว เองได้เดินเหินได้ กินอาหารได้ อาบน้ำได้ นี่คือสิ่งสำคัญที่เราจะต้องทำ
ในทฤษฎีเบื้องต้นสำหรับการช่วยเหลือคนไข้เพราะฉะนั้นแล้วนี่คือสิ่งสำคัญที่อันที่จริงก็คือการลงมาดูร่างกาย หรือการเอารถไปเช็คระยะทุกๆ 20000 กิโล ดูว่าในช่วงนั้นเราขาดแคลนอะไรไปบ้างเพราะฉะนั้นแล้วเนี่ยพูดง่ายๆก็คือการตรวจร่างกาย ประจำปีให้ละเอียดมาก ให้ลึกขึ้น เช็คได้ก่อนที่เราจะป่วย สำหรับการดูแลเกี่ยวกับเรื่องอะไรจริงที่หลายคนอาจจะเข้าใจผิด หลายๆคนอาจจะคิดว่าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับข้างนอกใช่ไหม จึงเป็นเรื่องความสวยความงาม แต่ไม่ใช่เรื่องความสวยความงาม เป็นการตรวจเลือด และให้เราทำร่างกายเราทำไงจึงให้ประสิทธิภาพร่างกายดีขึ้น ส่วนมากคนไข้หลายคนนะครับจะรอจนตัวเองไม่สบายก่อนแล้วก็จะไปพบแพทย์ เช่นในปัจจุบัน คนไข้คลอเลสเตอรอลสูง มาพบกับคุณหมอก็จะให้ยากลับไปกินแล้ว จะเป็นยาลดไขมัน ยาลดไตรกลีเซอไรด์ ยาลดคลอเรสเตอรอล พอคนไข้กลับไปปุ๊บเนี่ยหลายๆคนเชื่อว่าก็จะยังไม่ได้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และการปรับเปลี่ยนก็กินยาไขมัน 1
เม็ด รับมาแล้วก็ยังไปกินโต๊ะจีนอยู่ ยังไปกินเป็ดปักกิ่งอยู่ ยังกินหมูหันอยู่ ออกกําลังก็ไม่ค่อยมีเวลาออก พอผ่านไปในเวลา 3 เดือน คลอเรสเตอรอลก็ขึ้นไปอีกอย่างนี้ก็ได้ยาหนึ่งเม็ดกลับมากินอีก แบบนี้ระยะยาวไม่ดีกับคนไข้แน่
ในอเมริกา ในประเทศยุโรป เราจะเห็นว่าในปัจจุบันมีคนมีภาวะโรคอ้วนมากเหลือเกิน การรักษาแบบ preventive medicine คือการลงไปนั่งคุยกับคนไข้เยอะขึ้นในแนวทางคนไข้ที่มารักษาแพทย์จะไม่ตามใจคนไข้ ได้เริ่มต้นด้วยกัน การมาเล่าให้ฟังว่าอาหารการกินอย่างไร ที่คนไข้ไม่ควรกิน อาหารการกินประเภทไหนที่คนไทยควรหลีกเลี่ยง ในการแพทย์แบบนี้ไงเราก็จะไม่ค่อยตามใจคนไข้นะครับ เพราะเป็นการรักษาด้วยความหมายคือหมอเตือนคนไข้เป็นทุกอย่างที่เราเล่าให้ฟัง ฝึกแนวทางในการใช้ชีวิตให้ถูกต้องเพื่อมีประสิทธิภาพร่างกายที่สูงที่สุด มีการช่วยเหลือตัวเองได้มากที่สุด ยาวนานที่สุด เพื่อให้ได้คุณภาพชีวิตในระดับสูงที่สุดและนี่คือหัวใจสำคัญการมีคุณภาพชีวิตที่ดี แนวทางในการรักษาการแบบนี้แพทย์ เปรียบเหมือนเป็นโค้ช คนไข้เป็นคนปฎิบัติ แพทย์จะเป็นผู้ช่วยในการออกแบบ ในการบอกข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับร่างกายคนไข้ ว่าเราเริ่มต้นจะต้องดูแลตรงไหนเป็นพิเศษตรงไหนคือจุดอ่อนตรงไหน หรือมีจุดบกพร่องตรงไหน เมื่อเรารู้ว่าตรงไหนคือจุดบกพร่องแล้วเราจะสามารถช่วยตัวเองในการป้องกันพร้อมกับมีแนวทางในการรักษาจุดอ่อนนั้นนั้นให้แข็งแรงขึ้นเพื่อทำให้สุขภาพเรายืนยาวแบบมีคุณภาพที่สุดโดยที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า optimum health คือไม่มากเกินไปไม่น้อยเกินไปบ้านเราเรียกทางสายกลางที่สุด ในครั้งนี้คือดูแลสุขภาพที่ดีที่สุดนั้นต้องขึ้นอยู่กับว่าเราต้องทำทุกอย่างอยู่ในความพอดี ที่กล่าวมานี้คือความหมายของ anti aging เวชศาสตร์ชะลอวัย
ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=8ngvopO66W0